น่าใจหายสำหรับแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ต้องสูญเสียยอดกองหน้าอันดับต้น ๆ ของโลกอย่าง เซร์คิโอ อเกวโร หลังจบฤดูกาล 2020/21
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา สโมสรเรือใบประกาศว่าแข้งวัย 32 ปีรายนี้จะย้ายออกจากทีมหลังจบฤดูกาล ซึ่งถือเป็นการปิดฉากการค้าแข้งในแมนเชสเตอร์เป็นเวลาถึง 10 ปีเต็ม
เขาย้ายมาจากแอตเลติโก มาดริดเมื่อซัมเมอร์ปี 2011 ด้วยค่าตัว 35 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่สูงเอาเรื่องในขณะนั้น แต่ผลงานที่เขาสร้างให้กับทีมมันคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม
เขาคือดาวซัลโวตลอดกาลของสโมสรที่ 257 ประตู และพาทีมคว้าแชมป์มากมายทั้งพรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัยและลีก คัพ 5 สมัย
ตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเขาสร้างผลงานที่น่าทึ่งไว้มากมาย และนี่คือ 10 เหตุการณ์ที่ทำให้แฟนบอลเรือใบจะไม่มีวันลืมยอดศูนย์หน้าคนนี้…
10. อเกวโรผู้หิวกระหาย
ช่วงต้นเดือนธันวาคมปี 2011 แมน ฯ ซิตี้ยังรักษาสถิติชนะในบ้านติดต่อกันไว้ได้ในฤดูกาล 2011/12 ด้วยการถล่มนอริชขาดลอย 5-1
อเกวโรกลายเป็นทุกอย่างของเกมนี้ทั้งลีลาการเลี้ยง การกระชาก การโชว์ทักษะสุดเหนือชั้นในกรอบเขตโทษ ก่อนจะสังหารประตูที่ 13 ในฤดูกาลนั้นไปได้
9. แฮตทริคใส่วีแกน
หลายคนอาจตั้งคำถามถึงการย้ายจากสเปนมาเล่นในพรีเมียร์ลีกของกองหน้าแอตเลติโก มาดริดหากพิจารณาถึงความล้มเหลวของรุ่นพี่ ดิเอโก ฟอร์ลัน กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แต่ไม่ใช่กับ ‘เอล กุน’ ที่เขาทำ 6 ประตูจากการลงสนามเพียงแค่ 3 นัดแรกในลีก
หลังจากซัดไปสามลูกจากสองเกมก่อนหน้านั้น เขากดแฮตทริคแรกให้กับต้นสังกัดใหม่ในเกมกับวีแกน ซึ่งเป็นการโชว์ทักษะการจบสกอร์สุดเหนือชั้นด้วยการเบี่ยงตัวซัดเรียดผ่านผู้รักษาประตูเสียบเสาทั้งสิ้น
8. ประตูที่ 50 ปลิดชีพเพื่อนบ้าน
กับดาร์บี้แมตช์เมืองแมนเชสเตอร์ครั้งแรกของกุนซือ เดวิด มอยส์ อเกวโรและผองเพื่อนได้มอบฝันร้ายให้กับกุนซือชาวสก็อตด้วยการเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดี้ยมถล่มปีศาจแดงราบคาบ 4-1
ช่วงนั้นคู่หูกองหลัง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช กำลังอยู่ในช่วงขาลง ทำให้อเกวโรฉกฉวยโอกาสสร้างผลงานให้กับตัวเอง
เขากดประตูที่ 50 ให้กับเรือใบในเกมดังกล่าวด้วยการวอลเลย์ด้วยเท้าซ้ายใกล้กรอบ 6 หลา หมดสิทธิ์สำหรับ ดาบิด เด เคอา
7. 20 นาที 5 ตุงกับนิวคาสเซิล
ย้อนกลับไปในปี 2015 กับนิวคาสเซิล แมน ฯ ซิตี้ต้องคว้าชัยชนะหากหวังกลับขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงแซงหน้าอริร่วมเมืองอย่างยูไนเต็ด
และดูเหมือนพวกเขาจะเจอกับงานหนักเมื่อถูกขึ้นนำไปก่อนจากประตูของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ในนาทีที่ 18
อย่างไรก็ตามเจ้าบ้านทวงคืน 6 ประตูรวดแบบทบต้นทบดอก โดยเฉพาะอเกวโรที่จัดชุดใหญ่เหมาคนเดียว 5 ประตูในนาทีที่ 42, 49, 50, 60 และ 62
6. แฮตทริคฮีโร่กับบาเยิร์น
ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกเมื่อปี 2014 กับบาเยิร์น มิวนิค อเกวโรได้จุดโทษตั้งแต่ช่วงต้นเกมจากจังหวะสกัดของ เมห์ดี เบนาเตีย ซึ่งทำให้เจ้าตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม
ถึงแม้จะเหลือเพียง 10 คน แต่เสือใต้ก็ยังไม่ถอดเขี้ยวเล็บเมื่อทำประตูขึ้นนำ 2-1 ได้สำเร็จ
เกมทำท่าว่าจะจบด้วยสกอร์นั้น แต่เรือใบได้ทีเด็ดของอเกวโรซัดสองประตูในช่วง 5 นาทีสุดท้ายพร้อมเก็บลูกบอลกลับบ้านแถมชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของทีม
5. 4 ตุงถลุงเลสเตอร์
ช่วงต้นปี 2018 แมนเชสเตอร์ ซิตี้กำลังไปได้สวยในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกภายใต้กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
ในเดือนกุมภาพันธ์ เลสเตอร์ ที่เอาชนะซิตี้ได้มาก่อนหน้านั้นสองฤดูกาลหลัง กลายสภาพเป็นหมูให้เรือใบเชือดอย่างหมดสภาพ
อเกวโรซัดประตูที่ 7 ติดต่อกันและเป็นประตูที่ 13 ในรอบ 10 นัดหลังสุด และ 4 ประตูของเขาที่เกิดขึ้นมาจากในช่วงครึ่งหลังทั้งหมด
4. หลบสี่ก่อนซัดแสกหน้าเด เคอา
หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกในฤดูกาลก่อน ซิตี้คือตัวเต็งในการป้องกันแชมป์ปีถัดมาทันที แต่พวกเขาต้องตามหลังทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันถึง 15 แต้มในช่วงท้ายฤดูกาล 2012/13
ในเกมบุกเยือนโอลด์ แทรฟฟอร์ดนัดนี้ ซิตี้รู้ดีว่าชัยชนะของพวกเขาพอจะมอบรอยยิ้มให้กับแฟนบอลของตัวเองได้บ้าง และพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ
เรือใบบุกมอบความเจ็บช้ำให้กับเจ้าบ้านด้วยสกอร์ 2-1 และเป็นอเกวโรเองที่โซโลเดี่ยวหลบผู้เล่นปีศาจแดงที่รุมล้อมถึง 4 คนเข้าไปยิงแสกหน้า ดาบิด เด เคอา แบบหมดสิทธิ์ป้องกัน
3. เปิดตัวสวยด้วยสองประตูกับสวอนซี
หลายฝ่ายต่างจดจ้องกับน้องใหม่จากเวลส์ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษอย่าง สวอนซี ซิตี้ ในฤดูกาล 2011/12
และอเกวโร ที่เพิ่งแข้งร้อนจากโกปา อเมริกามาหมาด ๆ เมื่อซัมเมอร์ทำได้เพียงนั่งสำรองในเกมนี้ แต่นั่นก็มิอาจบดบังรัศมีความเป็นสตาร์ของเขาได้
เขาลงมาเป็นตัวสำรองในเกมดังกล่าวและสร้างเสียงฮือฮาในพรีเมียร์ลีกด้วยการทำคนเดียวสองประตู
ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของความเป็นตำนานของ ‘เอล กุน’ ผู้นี้
2. ดาวซัลโวตลอดกาลสโมสร
ปี 2017 ในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก ผู้โชคดีที่ได้รับเกียรติเป็นสักขีพยานในการทำลายสถิติดาวซัลโวตลอดกาลของแมนเชสเตอร์ ซิตี้คือนาโปลี ที่แพ้คาสนามซาน เปาโลไป 3-2
อเกวโรคือพระเอกของเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เขาทำลายสถิติเดิมของ อีริค บรู๊ค ที่เคยทำไว้ที่ 177 ประตู และหลังจากนั้นเป็นต้นมา เขาคือตำนานของทีมอย่างไม่มีใครกล้าตั้งคำถาม
1. 93:20 สู่แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี
หลายคนยังจำได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน กับประตูชัยช่วงนาทีสุดท้าย ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ที่ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ในท้ายที่สุด
ในนัดสุดท้ายของฤดูกาลแรกของอเกวโร ซิตี้ต้องเอาชนะควีนส์ พาร์ค เรนเจอร์สให้ได้สถานเดียวเพื่อชูถว้ยแชมป์พรีเมียร์ลีก หากไม่เป็นเช่นนั้น ยูไนเต็ดจะปาดหน้าคว้าถ้วยไปครองถ้าพวกเขาเอาชนะซันเดอร์แลนด์ไปได้
ลูกทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันทำผลงานได้ตามเป้าหลังสิ้นเสียงนกหวีด ส่วนอีกสนามหนึ่งเรือใบกำลังเสียสูญเมื่อพวกเขามีสกอร์ตามหลังในบ้านตัวเอง
พวกเขาเริ่มมีหวังจากลูกโหม่งตีเสมอของ เอดิน เชโก และจังหวะสุดท้ายของเกมจริง ๆ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ประตูที่แฟนบอลซิตี้จะไม่มีวันลืมเลือนก็เกิดขึ้นด้วยฝีเท้าของอเกวโร
ไม่ว่าจะไปถามใครก็เห็นพ้องต้องกันว่านี่คือประตูที่สำคัญที่สุดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ตลอดกาล พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี