โยอาคิม เลิฟ เพิ่งจะออกแถลงการณ์ว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติเยอรมนีหลังจบฟุตบอลยูโร 2021 ในช่วงซัมเมอร์นี้
กุนซือวัย 61 ปีประสบความสำเร็จสูงสุดในอาชีพด้วยการพาประเทศตัวเองคว้าแชมป์โลกเมื่อปี 2014 แต่เชื่อว่าแฟนบอลหลายคนต่างจดจำตัวเขาได้เป็นอย่างดี จากพฤติกรรม “ชวนอ้วก” บริเวณข้างสนาม
ผู้จัดการทีมหลายคนยอมรับว่าพวกเขามักจะปลดปล่อยตัวตนออกมาขณะคุมลูกทีม และเลิฟก็คือหนึ่งในนั้น ไม่ว่าจะเป็นการล้วงของลับของตัวเองขึ้นมาดม หรือแคะขี้มูกและเอาเข้าปาก การกระทำทั้งหมดล้วนปรากฏออกสื่อแทบทั้งหมด

ถือเป็นเรื่องน่าใจหายสำหรับแฟนบอลเยอรมันที่ต้องเสียโค้ชฝีมือดีผู้นี้ แต่อีกหลายฝ่ายก็เชื่อว่านี่คือจังหวะที่เหมาะสมในการหาจุดเปลี่ยนใหม่ ๆ ของทีมชาติที่ช่วงหลังดูเหมือนจะเจอทางตัน
ทั้งการตกรอบแรกฟุตบอลโลกเมื่อปี 2018 บวกกับความอีโก้จัดของเจ้าตัวเองที่ไม่ยอมเรียกนักเตะจอมเก๋าฝีเท้าดีเข้าทีมด้วยเป้าหมายที่จะสร้างพลพรรคอินทรีย์เหล็กรุ่นใหม่ แต่ก็ยังไม่ดีเท่าของเดิม
เราจึงขอร่วมอำลากุนซือมากฝีมือผู้นี้ด้วยการรวมมิตร 5 วีรกรรม “ชวนอ้วก” ข้างสนาม…
เกาแล้วดม
If you're going to smell ur balls make sure no one is watching lmao #GERUKR #EURO2016 pic.twitter.com/mDJgxPvFZ8
— Reyhovah (@Reyhovah) June 12, 2016
เจ้าของแชมป์เก่าฟุตบอลโลกกำลังไปได้สวยในฟุตบอลยูโร 2016 เมื่อคว้าชัยเหนือยูเครน 2-0 ที่เมื่องลีลล์ ประเทศฝรั่งเศส
แต่การแข่งขันดังกล่าวกลับถูกกุนซือรายนี้แย่งซีนหน้าตาเฉย…
นอกจากประตูของ บานเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ ชโคดราน มุสตาฟี สิ่งที่น่าจดจำ(?)ในเกมนั้นอีกอย่างคงจะหนีไม่พ้นพฤติกรรมของเลิฟที่ใช้มือตัวเองล้วงเข้าไปในเป้ากางเกงตัวเองบริเวณหว่างขา
และเมื่อกล้องจับภาพอีกครั้ง เลิฟกลับไปนั่งที่ซุ้มม้านั่งและทำสิ่งที่แย่กว่าการล้วงของลับ นั่นคือใช้ยกมือที่ใช้ล้วงขึ้นมาดมซะอย่างนั้น
พิมพ์ไปจะอ้วกไปเนี่ย!
แบ่งปันความโสโครก
ปกติเลิฟมักจะเรื่องทุเรศแบบนี้กับตัวเองโดยไม่ให้ใครเดือดร้อน แต่กรณีนี้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นเหยื่อคนแรกและคนสุดท้ายของเลิฟในการกระทำสุดสยอง
ในฟุตบอลโลกปี 2014 เยอรมนีถล่มโปรตุเกสย่อยยับ 4-0 ในเกมนัดเปิดสนามของรายการ และระหว่างที่ยอดแข้งชาวโปรตุกีสกำลังเดินเข้าอุโมงค์ CR7 ก็ยื่นมือไปเชคแฮนด์กุนซือชาวเยอรมันตามมารยาท
แต่เขารู้หรือไม่ว่ามารยาทของเขาทำให้ตัวเองต้องเจอกับฝันร้าย เมื่อมือและนิ้วข้างที่เลิฟใช้จับกับโรนัลโด้เขาเอาไปแคะขี้มูกมาก่อนหน้านั้น!
สงสัยชอบของอับ
ย้อนกลับไปช่วงปี 2008 ช่วงเข้ามารับตำแหน่งแทน เยอร์เก้น คลินส์มันน์ ใหม่ ๆ เขาก็เริ่มทำอะไรบางอย่างที่ละม้ายคล้ายจะเป็นนิสัยเสียที่ติดตัวมาแต่เด็ก ๆ
ด้วยอากาศที่ร้อนหรืออบอ้าวอับชื้นอย่างไรไม่ทราบได้ เขาใช้มือล้วงไปที่บริเวณใต้วงแขนก่อนจะยกมือนั้นขึ้นมาดม
และก่อนจะเป็นแชมป์โลกช่วงยูโร 2012 เลิฟก็แสดงพฤติกรรมนั้นอีกครั้ง
ด้วยความเครียดหรืออะไรซักอย่าง ระหว่างที่เขากำลังแสดงความยินดีกับประตูของลูกทีม เขาใช้มือล้วงจักแร้ที่ชุ่มเหงื่อผ่านใต้วงแขนเสื้อของเขาและยกขึ้นมาดมอีก
กินขี้มูก
ช่วงฟุตบอลโลก 2010 ด้วยความเครียดท่ามกลางรายการฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก บวกกับเสียงอันอื้ออึงชวนวิงเวียนศีรษะของเครื่องเป่า “วูวูเซลา” ที่แอฟริกา อาจทำให้ใครหลายคนประสาทกินได้ เลิฟก็เช่นกัน
ระหว่างกำลังคุมทีมอย่างเคร่งเครียดข้างสนาม เลิฟก็เริ่มใช้นิ้วแคะขี้มูกตัวเอง
ระหว่างแคะขี้มูกอย่างเพลินอุรา เขาถูกผู้ช่วยในขณะนั้นอย่าง ฮานซี่ ฟลิค (กุนซือบาเยิร์น มิวนิคคนปัจจุบัน) ขัดจังหวะพฤติกรรมที่น่าโสโครกของเขา แต่นั่นก็ไม่ทำให้เขาหยุดสิ่งที่ตัวเองจะทำต่อไปนี้
ฟลิคเพ่งสมาธิกับการปั้นขี้มูกตัวเองก่อนจะหยิบเข้าปากแบบหน้าตาเฉย
บ้าเอ้ยยยย…
ติดใจความเค็ม
สองปีถัดจากเหตุการณ์กินขี้มูกครั้งนั้น เยอรมนีตั้งเป้าจะทำผลงานให้ดีกว่ายูโร 2008 และคว้าแชมป์ให้ได้ แต่ โยอาคิม เลิฟ ก็ยังทำตัวเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
และเช่นเคยที่เขาต้องนั่งข้างกับมือขวายอดฝีมืออย่าง ฮานซี่ ฟลิค
เขาใช้สเต็ปเดิมด้วยการหันหนี แคะขี้มูก และกลืนของเสียนั้นลงท้องไปแบบเนียน ๆ
สรุป
ในปี 2016 กุนซือชาวเยอรมันรายนี้แถลงข่าวผ่านสื่อขอโทษต่อพฤติกรรมที่เขาทำลงไป โดยอ้างว่าเป็นเพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาระหว่างการคุมทีม
ก็ถึงว่า หลังจากที่เจ้าตัวปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป พวกเขาก็ไม่ประสบความสำเร็จใด ๆ อีกเลย